สงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” สะเทือนทั่วโลก! ห้ามมองไกลตัว กระทบ “ปาก-ท้อง” ตรงๆ
On March 20, 2022 by adminหากมองย้อนไปถึงความตึงเครียดระหว่าง “รัสเซีย และยูเครน” ที่อาจนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ มีชนวนจากการแย่งชิงอำนาจเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งฝั่งรัสเซียมองว่ายูเครนเป็นกันชนสำคัญในการต้านอิทธิพลจากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต้ ส่วนยูเครนมองว่ารัสเซียเป็นผู้บุกรุกที่ยึดครองดินแดนของตนไปแล้วบางส่วน
ซึ่งส่งผลต่อเนื่องให้ทั้ง 2 ชาติ เปิดศึกกระหน่ำยิงกระสุนกัน ส่งผลสะเทือนไปทั่วโลก!!!
โดยเฉพาะปัญหาน้ำมันที่ ณ เวลา นี้พุ่งขึ้นไม่หยุด ส่งผลกระทบต่อสินค้าไทยทั้งนำเข้า และส่งออก รวมถึงรายได้ที่จะเลี้ยงปากท้อง
ล่าสุด “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะประชุมเรื่องพลังงาน และการลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานได้แก่ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ร่วมพิจารณาแนวทาง การแก้ไขปัญหา เพื่อหาช่องทาง และรูปแบบในการช่วยเหลือ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะจากราคาพลังงานรูปแบบต่าง ๆ ช่วยเหลือแรงงาน ลูกจ้าง และดูแลประชาชนผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบมาก รวมทั้งแบ่งเป็นมาตรการระยะสั้นช่วยเหลือทันทีเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และระยะยาวช่วยเหลือให้การเติบโตอย่างยั่งยืน
เช่นเดียวกับ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ออกมารับลูกนายกฯ โดยการดูแลสินค้า และบริการ ถือหลักชัดเจนว่าต้องดูแลคน 3 กลุ่มให้เกิดดุลยภาพ คือเกษตรกร ผู้ประกอบการ และผู้บริโภค ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มนี้ความต้องการย้อนแย้งกันอยู่ เกษตรกรต้องการขายผลผลิตได้ราคาดีที่สุด
สำหรับผู้ประกอบการต้องได้ผลผลิตที่ราคาถูกเพื่อได้ต้นทุนในการผลิตต่ำ และผู้บริโภคอยากได้ราคาสินค้าถูก เราต้องทำอย่างไรให้สมดุล เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่หลายกระทรวงต้องช่วยกัน ส่วนกระทรวงพาณิชย์แต่ละกรณีจะพิจารณาไปตามข้อเท็จจริง ของภาคการผลิตส่วนไหน หากต้นทุนสูงจะเข้าไปดูว่าต้องทำอย่างไร จะดูแง่ราคาอย่างเดียวปลายทางไม่ได้ ต้องดูปริมาณด้วย ถ้าไปกดราคาจำหน่ายจนผลิตแล้วขาดทุนการผลิตก็จะหยุด สุดท้ายของจะขาด มันจึงมีปัญหาเรื่องปริมาณอยู่ ความสมดุลมันอยู่ตรงไหน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยาก แต่เป็นหน้าที่ต้องทำ ดังนั้นการจะตัดสินใจอะไรนั้น ต้องอยู่บนผลประโยชน์ทั้ง 3 กลุ่มเป็นหลัก
ขณะที่ภาคการส่งออกซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งรายได้หลักของประเทศได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดย “พชร อนันตศิลป์” อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จากการสอบถามไปยังเอกชนพบว่ายังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ ก็จะมีการประเมินภาพรวมอีกครั้ง โดยเฉพาะในส่วนของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และการผลิตชิปที่ใช้ในการผลิตรถยนต์ ที่อยู่ในภาวะขาดแคลนตั้งแต่ก่อนเกิดโควิด-19 ซึ่งอาจได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้น
ส่วนอีกหนึ่งปัจจัยที่ได้รับผลกระทบไม่แพ้กัน และถือเป็นตัวส่งสัญญาณของความรุนแรงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นั้นคือ “ราคาทองคำ” ซึ่ง “ฐิภา นววัฒนทรัพย์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) บอกว่า ภาพรวมตลาดทองคำ ทิศทางราคายังเคลื่อนไหวแบบผันผวน โดยปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ซึ่งมีการพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายออกมา ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นราคาทองคำสปอตปรับร่วงลงมาที่ระดับ 1,950 เหรียญสหรัฐฯออนซ์ ก่อนจะปรับขึ้นมาที่บริเวณ 1,980-1,990 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ โดยหากสถานการณ์รัสเซียและยูเครนยังยืดเยื้อ สามารถดันราคาทองคำปรับขึ้นไปทดสอบระดับ 2,000 เหรียญสหรัฐฯต่อออนซ์ได้ จะทำให้ทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปแตะระดับจุดสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ที่เคยไปถึงแล้ว อยู่ที่ 2,075 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือทองคำไทยอยู่ที่ 32,600 บาทต่อบาททองคำได้ในอนาคต
ส่งท้ายในมุมมองของนักการเงินการธนาคารที่มองถึงสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครน ในครั้งนี้ “กำพล อดิเรกสมบัติ” ผู้อำนวยการอาวุโส SCB Chief Investment Office (SCB CIO) ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย และยูเครนยังมีความรุนแรง และความไม่แน่นอนสูง สัญญาณล่าสุดมีแนวโน้มยืดเยื้อ มีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลกที่อาจมีบางประเทศมีความเสี่ยงต่อภาวะถดถอย Stagflation มากขึ้น (เศรษฐกิจเติบโตต่ำ แต่เงินเฟ้อและอัตราการว่างงานสูง) จากราคาพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในการวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน SCB CIO ประเมินจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ 1) การสู้รบมีทั้งทางบก น้ำ อากาศ และ cyber ยูเครนต่อสู้อย่างเข้มข้น โดยได้รับความช่วยเหลือด้านต่างๆ รวมถึงอาวุธจากหลายประเทศในยูโรปและสหรัฐฯ ในขณะที่รัสเซียมีการขู่ใช้อาวุธนิวเคลียร์ 2) มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรุนแรงมากขึ้นและส่งผลกระทบต่อทุกฝ่าย สะท้อนผ่านราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น มาตรการคว่ำบาตรต่อภาคการเงินการธนาคารและเศรษฐกิจรัสเซียยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดมีการขู่ลดการนำเข้าพลังงานจากรัสเซีย ทำให้ราคาพลังงานพุ่งขึ้น และมีความเสี่ยงต่อภาวะ Stagflation สูงขึ้น และ 3) การเจรจา ที่ผ่านมาเป็นการเจรจาในระดับเจ้าหน้าที่ SCB CIO ประเมินว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับการเจรจาของเจ้าหน้าที่ระดับสูง โดยเฉพาะประธานาธิบดีของทั้ง 2 ประเทศมากกว่า
ทั้งนี้ความกังวลต่อเศรษฐกิจโลกถดถอย ในขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเสี่ยงเงินเฟ้อสูงและยืดเยื้อเพิ่มขึ้นอย่างมาก แม้มูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ทั้งส่งออกและนำเข้าของรัสเซียและยูเครนต่อประเทศเศรษฐกิจหลักจะมีไม่มากนัก แต่ความยืดเยื้อของสงครามและจากมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ความมั่นใจของผู้บริโภคและนักลงทุนลดลง ราคาพลังงานและเงินเฟ้อที่สูง และภาวะทางการเงินที่ตึงตัวขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป จึงนับเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยความกังวลต่อการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์หลักของรัสเซีย เช่น ปิโตรเลียม ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ ข้าวสาลี อะลูมิเนียม ทองแดง และปุ๋ยเคมี ทำให้ราคาสินค้าดังกล่าวเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง และเป็นความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อด้านพลังงานและอาหาร (energy and food inflation) ในหลายประเทศ ที่มีแนวโน้มยืดเยื้อมากกว่าที่ธนาคารกลางและตลาดคาดไว้ก่อนหน้านี้
ดังนั้นปัญหาระหว่าง “รัสเซีย และยูเครน” จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะมันเกี่ยวกับปากท้องของเราโดยตรง!
อ้างอิง
https://siamrath.co.th/economy
Archives
Calendar
M | T | W | T | F | S | S |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 |