ยูโอบี แนะกลยุทธ์ปรับพอร์ต ถือเงินสดเพิ่ม-เลี่ยงหุ้นเทค รับมือวิกฤตยูเครน
On March 2, 2022 by adminบลจ.ยูโอบี ชี้วิกฤติในยูเครน กดดันการลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงมีความผันผวนสูง แนะนักลงทุนปรับพอร์ตลงทุน เพิ่มถือเงินสด กระจายลงทุนหลากหลาย ตราสารหนี้ ตราสารทุน REITs ทองคำ เลี่ยงหุุ้นเทคฯ
ทีมผู้จัดการกองทุน บลจ.ยูโอบี ระบุว่า วิกฤติในยูเครน คาดจะทำให้นักลงทุนปรับเงินลงทุนมายังสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำมากขึ้น (Risk On Mode) และมีโอกาสที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจะสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์ที่สูงขึ้น หากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรงในการเผชิญหน้าทางทหารและรัสเซียตอบโต้โดยการลดการส่งออกพลังงานหรือมีการแซงชั่นจะทำให้ราคาพลังงานพุ่งขึ้นจากระดับที่สูงอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หาก NATO ไม่เข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง ถ้าเกิดการสู้รบกันขึ้นก็น่าจะค่อนข้างจำกัดขอบเขต ในอดีตความขัดแย้งทางด้านการเมืองระหว่างประเทศในระดับที่จำกัดขอบเขตมักจะทำให้ตลาดหุ้นปรับลดลงเพียงเล็กน้อยก่อนจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
จากสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบัน การลงทุนในหุ้นและสินทรัพย์เสี่ยงมีปัจจัยกดดัน ได้แก่ การปรับตัวขึ้นของเงินเฟ้อ นโยบายการเงินที่รัดกุมของ Fed (Tightening Policy) และปัญหาการเมืองระหว่างประเทศรัสเซีย-ยูเครน ปัจจัยดังกล่าวมักส่งผลให้ความคาดหวังของผลตอบแทนลดลง ความผันผวนในตลาดสูงขึ้น อย่างไรก็ตามจากการศึกษาเหตุการณ์ในอดีตพบว่า การเริ่ม Tightening Cycle ช่วงแรกมักจะทำให้ตลาดปรับฐาน และเป็นการปรับฐานใน Bull Market โดยตลาดหุ้นสามารถกลับขึ้นมาได้ ตามสภาพเศรษฐกิจที่ยังเติบโตอยู่ในอัตราที่ช้าลง
บลจ.ยูโอบี แนะนำกลยุทธ์การลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก
1. เพิ่มสัดส่วนการถือครองเงินสด เนื่องจากตลาดอยู่ในช่วงของการปรับฐาน การเพิ่มสัดส่วนเงินสดจะช่วยลดความผันผวนและเพิ่มโอกาสในการลงทุนในลำดับถัดไป
2. กระจายการลงทุนในหลายๆสินทรัพย์ อาทิเช่น ตราสารหนี้ ตราสารทุน REITs และทองคำ จากปัจจัยความเสี่ยงในหลายๆด้านที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ตลาดมีความผันผวนอย่างมาก ความแน่นอนของผลตอบแทนลดลง
3. หลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้นที่มีมูลค่าสูง เช่น หุ้นเทคโนโลยี หุ้นเติบโต ซึ่งมักจะถูกกดดันเมื่อดอกเบี้ยนโยบายปรับตัวสูงขึ้น
4. กลุ่มหุ้นที่มีความน่าสนใจหลังจากตลาดปรับฐานเสร็จสิ้นหรือความผันผวนลดลง ได้แก่ กลุ่ม Cyclical, ประเทศหรืออุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิดจะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัว การลงทุนในภูมิภาคเอเชียมีความน่าสนใจกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (สหรัฐและยุโรป)
5. ราคาตราสารหนี้คาดว่าจะปรับสูงขึ้นจาก Yield ที่ลดลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามและอาจเป็นจังหวะให้ปรับพอร์ตการลงทุน
6. สำหรับตราสารหนี้ ยังคงมีความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามภาวะสงคราม สถานการณ์เงินเฟ้อที่อาจผ่อนคลาย และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ลดลงจากดอกเบี้ยระยะสั้นที่สูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง อาจเป็นปัจจัยบวกต่อตราสารหนี้ในลำดับถัดไป
7. บลจ.ยูโอบี ไม่มีการลงทุนตรงในหุ้นหรือตราสารหนี้รัสเซียและยูเครน
กลยุทธ์การลงทุนตราสารหนี้ในประเทศ
ส่วนตราสารหนี้ในประเทศ ไม่มีส่วนที่ได้รับผลกระทบโดยตรง และไม่มีเงินลงทุนในผู้ออกที่เกี่ยวข้องกับคู่กรณีรัสเซีย และยูเครน รวมถึง ยุโรป แต่อาจได้ผลกระทบอ้อมบ้างจาก
1) Risk On/Risk Off : อาจทำให้ ค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้นและมีแรงเทขายตราสารหนี้ไทยของนักลงทุนต่างประเทศ ในช่วงแรกๆ อย่างไรก็ดี คาดว่า นักลงทุนต่างประเทศจะกลับเข้ามาลงทุนในเงินบาทและพันธบัตรภายหลังจากการตื่นตะหนกแล้ว เนื่องจากประเทศไทยรวมถึงกลุ่มประเทศเอเชีย ไม่ได้เป็นคู่กรณีโดยตรง จึงน่าจะเป็นตลาดที่ปลอดภัยสำหรับนักลงทุน
2) เงินเฟ้อ : เงินเฟ้ออาจเร่งตัวสูงขึ้นต่อ จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ดี คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทยยังคงจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเป็นสำคัญ มากกว่าที่จะไปควบคุมเงินเฟ้อในช่วงระยะนี้ จนกว่าประเทศไทยจะสามารถเปิดการท่องเที่ยว ที่เป็นธุรกิจที่สำคัญที่สุดต่อการฟื้นฟูจากผลกระทบ COVID-19
3) ธุรกิจต่างๆที่เกี่ยวข้องอื่นๆ อาทิ ธุรกิจท่องเทียว น่าจะได้รับผลกระทบไม่มากไปกว่านี้มากนัก แต่อาจยืดเวลาการเปิดประเทศและการท่องเที่ยวออกไปอีก เนื่องจากปัจจุบันนักท่องเที่ยวที่เข้าประเทศส่วนใหญ่มาจากยุโรป
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนตราสารหนี้ในประเทศนั้น ปัจจุบันการลงทุนของกองทุนได้เพิ่มความระมัดระวัง โดยได้มีการจัดเตรียมสภาพคล่องบางส่วนของกองทุนรวมมาในช่วงก่อนหน้า และเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง อย่างไรก็ดีหากผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น อาจเพิ่มการลงทุนในพันธบัตรระยะปานกลาง
กลยุทธ์การลงทุนตราสารทุนในประเทศ
มีความกังวลถึงสถานการณ์ของ Ukraine Valuation ของตลาดที่สูง และความเสี่ยงจาก Fed Tightening ดังนั้นจึงได้เพิ่มความระมัดระวังต่อพอร์ตตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยได้มีการลดน้ำหนักการลงทุนเล็กน้อย แต่เน้นการเปลี่ยนถ่ายจากหุ้นขนาดเล็กไปหุ้นขนาดใหญ่และปรับสัดส่วนพอร์ตให้เป็น Value Portfolio มากขึ้นดังเห็นได้จากค่า Volatility ของพอร์ตที่ปรับลดลงหลังจากเกิดเหตุการณ์ พบว่าโดยเฉลี่ยแล้ว ในระยะสั้นตลาดไทยจะปรับตัวลงในระดับ 1.6-2.8% แต่ดัชนีโลกโดยค่าเฉลี่ยปรับตัวขึ้น
สำหรับในระยะ 3 เดือน ผลกระทบออกมาติดลบอยู่ที่ -8.1% โดยหากหักเหตุการณ์ Assassin ation of Iran’s Major General แล้ว พบว่า ดัชนีรวมตลาดโลกเป็นบวก ขณะที่ตลาดไทยติดลบ ซึ่งมีส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยในประเทศเป็นสำคัญ
สำหรับสัดส่วนการลงทุน กองทุนมีการ OW หุ้นกลุ่มพลังงานต้นน้ำ (Upstream Energy) เล็กน้อย แต่มุ่งเน้นป้องกันความเสี่ยงโดย UW หุ้นที่มีต้นทุนเกี่ยวพันกับราคาก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมันมากกว่าโดยเน้น UW ในกลุ่มปั๊มน้ำมันและกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนก๊าซ
อ้างอิง
https://www.thansettakij.com/money_market
Archives
Calendar
M | T | W | T | F | S | S |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | 2 | 3 | ||||
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |